อาชีพอิสระนักบัญชี
โดย ณรงค์วิทย์ แสนทอง
นักบัญชี ถือเป็นอาชีพหนึ่ง
ที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะทาง และร่ำเรียนมาโดยตรง ทำงานในสายงานบัญชี
จนมีประสบการณ์มากพอสมควร ผ่านความรับผิดชอบเป็นสมุห์บัญชี
หรือผู้จัดการฝ่ายบัญชีมาก่อน จึงจะได้รับการยอมรับให้เป็น นักบัญชี
ผู้ทำบัญชี เป็นวิชาชีพ
ที่ปัจจุบันมีการตรากฎหมายออกมาเพื่อคุ้มครองอาชีพนี้โดยเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติ
การบัญชี พ.ศ.๒๕๔๓ ผู้ทำบัญชี ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย แต่อาจไม่ใช่ นักบัญชี
หากว่าผู้นั้นยังขาดประสบการณ์ในหน้าที่งานบัญชี และเช่นกัน นักบัญชี
ผู้มีความสารมาถและประสบการณ์ ไม่อาจจะเป็น ผู้ทำบัญชี
ได้หากว่าขาดคุณสมบัติวุฒิการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
เมื่อกล่าวถึง
ผู้ทำบัญชี ก็ต้องกล่าวถึง ผู้สอบบัญชี ซึ่งเป็นวิชาชีพอิสระอีกอาชีพหนึ่ง
ที่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ดังกฏที่ว่า งบการเงินของกิจการหนึ่ง ๆ ผู้ทำบัญชี
และผู้ตรวจสอบบัญชีต้องมิใช่คนเดียวกัน หรือเรียกว่า คนทำไม่ตรวจ
คนตรวจก็ไม่ทำบัญชี คล้ายกับอาชีพหมอ ที่ว่า แพทย์เป็นผู้ตรวจแล้วสั่งยา
แต่ไม่หยิบยาเอง ส่วนเภสัชกรมีหน้าที่หยิบยา แต่ไม่มีหน้าที่สั่งยาให้คนไข้
หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่ง คืออาชีพวิศวกร กับสถาปัตยกรรม
ทั้งสองอาชีพทำหน้าที่คู่ขนานกัน
สำหรับนักบัญชี อย่างน้อย ๆ
จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 1 ใบ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็น
:
ผู้ทำบัญชี
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)
ผู้สอบภาษีอากร (Tax Auditor)
อาชีพและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักบัญชี
1.รับทำบัญชี
2.รับตรวจสอบบัญชี
3.รับวางระบบบัญชี
4.รับเขียนโปรแกรมบัญชี
5.ที่ปรึกษาภาษีอากร
6.เป็นวิทยากร
/ ผู้สอน วิชาบัญชี
ภาษีอากร
7.สถาบันอบรมบัญชี-ภาษีอากร
8.ผลิต/จำหน่ายโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป
ลำดับที่
1 6 จะทำเป็นอาชีพอิสระด้วยตัวเองคนเดียวก็ได้
ณ
ที่นี้จะขอกล่าวถึงอาชีพการรับทำบัญชี
เพราะเป็นงานอิสระที่นักบัญชีส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยการรับทำบัญชี
รูปแบบของธุรกิจรับทำบัญชีนี้ เป็นอย่างไร
?
ท่านสามารถเลือกแบบธุรกิจ
ซึ่งแบ่งตามขนาดที่ท่านต้องการ
1.One Man
Show
นักบัญชีกลุ่มนี้มีจำนวนมาก บางรายรับทำบัญชี บางรายสอนงาน วางระบบ
ที่ปรึกษา ตอนเริ่มต้นอาจทำด้วยตัวคนเดียว แล้วค่อย ๆ
หาผู้ช่วยเพิ่มขึ้นตามปริมาณงาน แต่บางรายต้องการอิสระในการทำงาน
ไม่ต้องอาศัยผู้ช่วยหรือทีมงาน ข้อดีคือควบคุมคุณภาพได้ที่เราอยากให้เป็น
ข้อเสียคือถ้ารับงานมากเกินไปจะทำให้เครียดได้
หากเป็นประเภทรับทำบัญชีส่วนใหญ่เกิดจากในอดีตระหว่างทำงานประจำ
รับจ๊อบทำบัญชีให้กับกิจการอื่นเป็นอาชีพเสริม พอมีมากขึ้น ๆ
ก็ลาออกเปลี่ยนเอาจ๊อบบัญชีเป็นอาชีพหลัก
ที่พบเห็นอีกกลุ่มที่ไม่น้อยเลยเป็นแม่บ้านมีภาระงานในบ้านพอสมควร
ไม่อยากออกไปทำงานนอกบ้านจึงรับงานบัญชีมาทำที่บ้าน
2.Teamwork
อาจเริ่มต้นจากตัวคนเดียว
แล้วหาผู้ช่วย(พนักงานบัญชี) เพิ่ม รวม ๆ ไม่เกิน 10 คน
หรือเริ่มต้นจากการชวนเพื่อน 1-2 คน
มาทำร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน
บางทีได้งานรับวางระบบบัญชี
ก็ต้องมีทีมงานที่สามารถเรียกมาช่วยกันได้โดยทันที
3.Firm
เมื่อกิจการมีทีมงานมากกว่า 5 คน
เจ้าของกิจการจะขยายให้โตขึ้น มีพนักงาน 10 หรือ 20 คน แล้วแต่โอกาสและความต้องการ
กิจการขนาดนี้ มี 3 แบบ คือ สำนักงานรับทำบัญชีอย่างเดียว
สำนักงานรับตรวจสอบบัญชีอย่างเดียว
และสำนักงานที่มีทั้งแผนกทำบัญชีและแผนกตรวจสอบบัญชีอยู่ในองค์กรเดียวกัน
และอาจจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
บริษัทจำกัด
ด้านรายได้
ขึ้นอยุ่กับความสามารถในการหางาน
และทำงาน ปัจจุบันองค์กรธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด
บริษัทจำกัด ประมาณ 475,000 ราย หากเราจะขอแบ่งมาทำสัก 10-20 ราย
ไม่น่าจะยากเกินกำลัง
โดยเฉพาะผู้ที่มีวงพื่อนฝูงและญาติกว้างขวาง
รายได้มากน้อย
จะขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการที่เราดูแล หากเป็นรายใหญ่จะมีค่าบริการค่อนข้างสูง
ดังนั้นจึงควรมีลูกค้าขนาดใหญ่ไว้บ้าง
อาชีพนี้จะมีรายได้สม่ำเสมอ
หากรู้จักเก็บจะเป็นอาชีพที่มั่นคง แต่ถ้าอยากจะรวยกับอาชีพนี้
ไม่ทราบจะบอกอย่างไรเพราะคำว่า รวย ของแต่ละคนพอใจจะรวยไม่เท่ากัน
ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
มีข้อควรคิดถึงคุณสมบัติส่วนตัว
และการเตรียมความพร้อม ดังนี้
ความรู้ความสามารถ
ประสบการณ์ที่ผ่านมาคิดว่ามั่นใจเต็มที่แล้วหรือยัง เชื่อมั่นในตัวเองมากแค่ไหน
โดยปรึกษาขอความเห็นจากเพื่อนนักบัญชีด้วยกัน
หรืออดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่เราเคารพศรัทธา
เตรียมเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
จากเดิมที่เคยออกจากบ้านไปที่ทำงานทุกวัน แต่กลับต้องอยู่กับบ้าน
เคยมีผู้ร่วมงานคอยเป็นเพื่อนคุย ต่อไปนี้เราจะค่อนข้างเหงา
ต้องใช้เวลาในการปรับสภาพความเป็นอยู่ระยะหนึ่ง
ไม่หยุดการเรียนรู้
ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเคิมตลอดเวลา และไม่ลืมที่จะต้องเข้าอบรมวิชาบัญชี-ภาษี
ให้ครบ 27 ชั่วโมงทุก ๆ 3 ปี ตามที่สภาวิชาชีพการบัญชีกำหนด
มีที่ปรึกษาส่วนตัว หรือแหล่งที่จะขอคำปรึกษาได้ เพราะไม่มีใครที่พร้อม
100% วิชาการค้นหาได้จากหนังสือ แต่ภาคปฎิบัติต้องอาศัยปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์
เวลางาน กับเวลาส่วนตัว ต้องจัดแบ่งให้ลงตัวอย่างเหมาะสม
หากแบ่งเวลาให้กับงานน้อยไป หรือผลัดวันประกันพรุ่งจะทำให้งานค้างจำนวนมาก
เป็นผลเสียในด้านการให้บริการ
จัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พอเพียง
อย่างน้อยต้องมีอุปกรณ์สำนักงานครบ และที่ขาดไม่ได้คือ โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป
ที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดความล้มเหลวในอาชีพนี้
1.รับงานที่มีความเสี่ยงสูง
บางคนรับงานทำบัญชีทุกราย
โดยไม่เลือกว่ากิจการใดประกอบธุรกิจอย่างซื่อสัตย์หรือไม่
ช่วยเหลือลูกค้าเลี่ยงภาษีอากร บันทึกตัวเลขบัญชีโดยไม่มีเอกสารหลักฐานที่ถูกต้อง
ให้การช่วยเหลือลูกค้าจนเกินเหตุ ขาดจรรยาบรรณ
ท่านอาจเป็นคนกลุ่มแรกที่จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต
หรือถูกดำเนินคดีได้
2.
ยักยอกเงินภาษี
บางรายให้บริการยื่นชำระภาษีแทนลูกค้า
โดยรับเงินสดจากลูกค้าเพื่อไปยื่นแบบชำระภาษีให้สรรพากร แรก ๆ ก็ทำเป็นปกติ
ต่อมาการเงินส่วนตัวมีปัญหา นำเงินภาษีที่รับมาจากลูกค้าไปหมุน
แล้วนำส่งภาษีไม่ทันอีก เกิดการค้างมากขึ้น ๆ บางรายทำอย่างนี้กับลูกค้าทุกรายที่มี
ได้เงินไปหลายแสน บางรายได้ไปนับล้าน จนต้องหนีหายตัวไป
ผลเสียกตกกับลูกค้าที่ค้างส่งภาษี
ทำให้เสียสถาบันวิชาชีพอย่างร้ายแรง
3.บริการแย่ลง
บางรายมีลูกค้าติดต่อมาว่าจ้างมากขึ้น
ๆ ปริมาณงานที่รับมากเกินกว่าที่จะทำได้ทัน ไม่รีบเร่งแก้ปัญหา
รับปากกับลูกค่าว่าจะเสร็จแล้ว ผลัดวันประกันพรุ่ง มีข้อผิดพลาดบ่อย ลืมนัด
เลื่อนนัดเป็นประจำ
ทำให้ลูกค้าต้องตีจากให้คนอื่นมาทำแทน
4.
ขาดการเอาใจใส่
ขาดการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า
ปีหนึ่งลูกค้าได้เห็นหน้าเพียงครั้งเดียว หรือไม่ได้ไปพบลูกค้าเลยเป็นปี ๆ
และบางรายปล่อยให้ลูกจ้างทำงาน โดยไม่ได้ติดตามผลงาน
ถ้าลูกจ้างบริการไม่ดีผลเสียจะตกกับเรา บางรายมีลูกจ้างให้บริการดีเราก็ดีด้วย
แต่บางทีลูกจ้างที่ดีลาออกไป
ไม่ออกเปล่าแถมดึงลูกค้าเราติดไปด้วยอย่างนี้ก็มีเยอะ
5.
ขาดการพัฒนาตนเอง
ไม่มีการติดตามข่าวสารภาษีอากร กฎหมาย กฎกระทรวง
ที่ออกมาใหม่ เพื่อนำมาประกอบการใช้งาน จนทำให้การทำงานมีข้อผิดพลาด
การศึกษาทางธุรกิจด้านอื่น ๆ
ก็ต้องมีความรู้พอเท่าทันลูกค้าบ้างเหมือนกัน
ความภูมิใจในอาชีพนักบัญชี
1.เป็นอาชีพที่มีเกียรติ
ทั้งนี้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องปฎิบัติตน ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
มีระเบียบวินัย และธำรงไว้ซึ่งจรรยาบรรณในวิชาชีพ
ท่านจะได้รับเกียรติและการยอมรับจากลูกค้าและบุคคลทั่วไป
2.
สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
ถือว่ามีส่วนร่วมในสังคม
เป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความยุติธรรม ความโปร่งใส ธรรมาภิบาล
อันทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
3.
ความมีเอกภาพ
นักบัญชีที่ดีต้องมีเอกภาพ
มีอิสระที่จะปฎิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตรงไปตรงมา
ฝ่ายผู้ประกอบการต้องการเสียภาษีน้อย
แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่สรรพากรต้องการเก็บภาษีให้ได้มาก ๆ
เรานักบัญชีเป็นผู้อยู่ตรงกลาง ทำอย่างไรจึงจะให้ได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย
และอยู่บนเงื่อนไขความ
ถูกต้องด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น