วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จดทะเบียนแบบไหนดี



     เมื่อจะเริ่มต้นประกอบกิจการ   จะจดทะเบียนแบบไหนดี
     
1. บุคคลธรรมดา
            หรืออีกนัยหนึ่ง คือ “ธุรกิจเจ้าของคนเดียว” ลักษณะของกิจการประเภทนี้คือ การตัดสินใจต่าง ๆ เป็นสิทธิของผู้เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว การตัดสินใจต่าง ๆ อยู่ในลักษณะ คิดคนเดียว ทำคนเดียว  ซึ่งผลดีคือตัดสินใจง่ายและรวดเร็ว   แต่ผลจากการคิดคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นผลดี…ได้ กำไร หรือเป็นผลเสีย….ขาดทุน ก็รับผลคนเดียวเต็ม ๆ  ซึ่งลักษณะธุรกิจประเภทนี้จะดีมากถ้าเจ้าของไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุน เวียน เพราะธุรกิจประเภทนี้ไม่สามารถระดมทุนจากใครได้
ลักษณะการเสียภาษี เป็นไปตาม “อัตราก้าวหน้า”   ซึ่งหมายถึง  ถ้ารายได้มากก็จะเสียภาษีมาก โดยอัตราภาษี สูงสุด ถึง 37% ของกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย   นั่นคือ ค่าใช้จ่ายจะถูกกำหนดไว้ เป็น 2 ลักษณะ  คือ อัตราเหมา ( กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ตายตัวตามประเภทของธุรกิจ)    และค่าใช้จ่ายตามจริง   (ต้องอ้างอิงเอกสารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่สรรพากรยอมรับได้   หลังจากนั้นจึงนำมาหักค่าลดหย่อนส่วนตัว จึงจะเป็นฐานภาษีสำหรับคำนวณภาษีที่ต้องชำระ 
           
2.นิติบุคคล
           
               เป็นรูปแบบธุรกิจที่บุคคล 2 คนขึ้นไป ตกลงทำกิจการร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์จะแบ่งเป็นผลกำไร ตามอัตราส่วนที่แต่ละคนได้ลงทุน ซึ่งแบ่งได้ เป็น 2 ประเภท คือ
1.      หุ้างหุ้นส่วนสามัญ
      - ลักษณะธุรกิจประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนิติบุคคล 
      - ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัดจำนวน
      - ถ้าไม่จดทะเบียนจะมีสถานะเป็นคณะบุคคล
                 - ถ้าจดทะเบียน มีสถานะเป็นนิติบุคคล เรียกว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล"
                
                การจัดทำบัญชีและเสียภาษี การเสียภาษีเงินได้ของคณะบุคคลจะเสียภาษีเงินได้เหมือนกับบุคคลธรรมดาที่แยกออกจากตัวบุคคล ถือเป็นบุคคลอีกคนหนึ่งตามมาตรา 56 วรรค (2) ของประมวลรัษฏากร นอกจากนี้เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ด้วย

           2 . ห้างหุ้นส่วนจำกัด
                 - ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล 
                 - ความรับผิดชอบของผู้เป็นหุ้นส่วนแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
                 - ผู้เป็นหุ้นส่วนรับผิดชอบในหนี้สินจำกัด ไม่เกินเงินที่ได้ลงทุนไป ซึ่งหุ้นส่วน ประเภทนี้จะไม่มีสิทธิในการตัดสินใจในกิจการ
- ผู้เป็นหุ้นส่วนรับผิดชอบในหนี้สิน “ไม่ จำกัดจำนวน” ในที่นี้คือ “หุ้นส่วนผู้จัดการ” ซึ่งหุ้นส่วนประเภทนี้จะมีหน้าที่รับผิดชอบ และมีสิทธิเต็มที่ในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ของกิจการ
    
                การจัดทำบัญชีและเสียภาษี มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชี เหมือนกรณีตั้งบริษัท และเสียภาษีตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
           3 . บริษัทจำกัด
                 มีลักษณะจำเพาะดังนี้คือ
                 -   แบ่งเงินลงทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นละ เท่า ๆ กัน
                 -   มีผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท ไม่น้อยกว่า 3 คน
                 -   ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบไม่เกินจำนวนค่าหุ้นที่ยังชำระไม่ครบถ้วน
                 -   มีสภาพเป็นนิติบุคคล
                 -   สามารถระดมทุนได้มากและง่าย
                 -       ลักษณะการตัดสินใจในการบริหารงานเป็นในรูปของคณะกรรมการบริษัท จึงทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าแบบบุคคลธรรมดา
                  
                 การจัดทำบัญชีและเสียภาษี   มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชี และเสียภาษีตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
รายละเอียด
เจ้าของคนเดียว
ห้างหุ้นส่วน
บริษัทจำกัด
1. เงินลงทุน
มีเงินทุนจำกัด
ระดมทุนได้มากขึ้น
ระดมทุนได้ง่ายและมาก
2. การบริหารงาน
มีอำนาจตัดสินใจคนเดียว
ต้องปรึกษากับหุ้นส่วน
บริหารโดยคณะกรรมการบริษัท
3. ความรับผิดในหนี้สิน
เต็มจำนวน
- เต็มจำนวน(กรณีไม่จำกัดความรับผิดชอบ)
- จำกัด ไม่เกินมูลค่าหุ้น (กรณีจำกัดความรับผิดชอบ)
จำกัดเฉพาะมูลค่าหุ้นที่ยังชำระไม่ครบ
4. ผลกำไรขาดทุน
รับเพียงคนเดียว
เฉลี่ยให้ผู้เป็นหุ้นส่วน
จ่ายเป็นเงินปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถือ
5. ภาษีเงินได้
ตามอัตราก้าวหน้า สูงถึง 37%
ตามอัตราก้าวหน้า สูงถึง 37%   แต่ถ้าจดเป็นนิติฯ จะเสีย 15%-30% กรณีขาดทุนไม่ต้องเสียภาษี
อัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ (SME เสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า 15%-30%) ในกรณีขาดทุนไม่ต้องเสียภาษี
6. ความน่าเชื่อถือ
ต่ำ
ปานกลาง
สูง

ไม่มีความคิดเห็น:

Disqus Shortname

Comments system